ผอ.สันติศึกษา “มจร” เผยปม คนสนใจเรียน ป.เอก สันติศึกษา หวังนำเครื่องมือปรับใช้ยุค New Normal วันที่ 29 มิถุนายน 2563 พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้อำนวยการหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิต สาขาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงกรณีที่มีบุคคลสนใจสมัครเข้าเรียนในระดับปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา รุ่นล่าสุดกว่า 80 รูป-คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระสงฆ์นักเทศน์ นักบรรยายธรรมะเดลิเวอรี่ และพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระสงฆ์นักเขียนที่มีผู้ติดตามผลงานจำนวนมาก รวมถึงนายจาตุรงค์ สรนุวัตร อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาธนบุรีว่า การที่จะศึกษาเพื่อที่จะทำให้เข้าใจหลักสูตรสันติศึกษาอย่างถ่องแท้ในมิติต่างๆ นั้น จำเป็นต้องเรียนรู้องค์ประกอบของสันติศึกษา (Peace Studies Anatomy) เพื่อป้องกันมิให้เกิดมายาคติ (Myth) ต่อหลักสูตรสันติศึกษา ทั้งในปัจจุบันและอนาคต จึงขอนำเสนอสาระสำคัญเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1.สันติศึกษาเป็นสาขาวิชาที่สร้างและออกแบบโดยพระพุทธเจ้า โดยผลิตขึ้นจากพุทธพจน์ที่ว่า “สันติเมว สิกเขยยะ” แปลว่า “พึงศึกษาสันติเท่านั้น” ฉะนั้น สันติศึกษาจึงมาจาก 2 คำ คือ “สันติ” กับคำว่า “สิกขา” โดยพระองค์ทรงย้ำอีกว่า “สันติมัคคเมว พรูหยะ” แปลว่า “ท่านจงพอกพูนสันติมรรคเท่านั้น” สันติมรรคในประเด็นนี้ก็คือสันติวิธีนั่นเอง การเรียนสันติศึกษา คือการเรียนสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตอกย้ำและเชิญชวนให้ทุกชาวโลกเห็นความสำคัญว่า ถ้าชีวิต ชุมชน สังคม และโลกจะรอดต้องสันติ และสันติวิธีเท่านั้น การเรียนสันติศึกษาจึงเป็นการเรียนรู้ชีวิตและลมหายใจของพระพุทธเจ้าโดยตรง 2.สันติศึกษาเป็นการศึกษา เพื่อพัฒนาให้สันติเกิดขึ้นในจิตใจและสังคม ผ่านกระบวนการศึกษาและพัฒนาใน 3 ด้าน ที่เรียกว่า “ไตรสิกขา” (1) ศึกษาเพื่อพัฒนาพฤติกรรมอันได้แก่กายและวาจาปกติ หนักแน่นไม่หวั่นไหวดุจศิลา (อธิสีลสิกขา) มีศักยภาพและทักษะในการเสริมสร้างสังคมสันติสุข ทั้งการสื่อสาร การเป็นผู้นำ การไกล่เกลี่ย สมานใจคน การเป็นนักจิตอาสาช่วยเหลือคนอื่น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทีมงานเป็นทีม และการออกแบบและสร้างกระบวนการยุติธรรมทางสังคม (2) ศึกษาเพื่อพัฒนาจิตใจให้สงบเย็น จนเกิดการตื่นรู้ภายในแล้วออกไปสร้างสังคมแห่งการตื่นรู้ (อธิสีลสิกขา) สันติศึกษาจึงมีสติศึกษาเป็นฐาน ผ่านการเรียนรายวิชาสติภาวนาสำหรับวิศวกรสันติภาพ วิชาสันติภาวนาเสวนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นิสิตต้องผ่านการทำสติภาวนาเป็นระยะเวลา 45 วันของหลักสูตร (3) ศึกษาเพื่อพัฒนาปัญญา เพื่อสร้าง Mindset และพัฒนาระบบคิดโดยการเปลี่ยนกระบวนทัศน์และมุมมองใหม่ (Paradigm) เพื่อให้สามารถบ่มเพาะปัญญาสันติ แล้วออกไปรับใช้ผู้อื่นด้วยการเสริมสร้างชุมชนและสังคมสันติสุข (Cultivating Wisdom Serving Peace) ผ่านการเรียนรู้ในรายวิชาพุทธสันติวิธี แนวคิดและทฤษฏีด้านสันติศึกษา และวิจัยชั้นสูงสำหรับการสร้างสันติภาพ สรุปแล้ว สันติศึกษาจึงกระบวนการในการฝึกฝนและบ่มเบาะ 3 ขั้น คือ ปลุกปัญญาเพื่อสันติ ปลูกสติเพื่อสันติ ปรับพฤติกรรมทำงานรับใช้เพื่อนมนุษย์อย่างสันติ 3. เป้าหมายของสันติศึกษา หรือผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning Outcome) นั้น มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็น “วิศวกรสันติภาพ” โดยการสร้างสันติภาพภายในแล้วออกไปสร้างสันติภาพภายนอก การสร้างสันติภาพจึงเป็นการสร้าง 4 ภาพต่อไปนี้ (1) สร้างกายภาพ อันได้แก่ เห็นคุณค่าและรักษาฟื้นฟูธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ตระหนักรู้และมีทักษะการพัฒนาอาชีพการเป็นอยู่ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนให้สามารถดำรงชีพได้อย่างมีความสุข (2) สร้างพฤติภาพ อันได้แก่ การมีพฤติกรรมที่เอื้อต่อการอยู่กับผู้ในชุมชน สังคม เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม อย่างสันติสุข รักและไม่เอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ สัตว์ สิ่งแวดล้อม ใส่ใจดูแลชุมชนและสังคม เป็นพลเมืองโลกที่ดี (3) สร้างจิตภาพ อันได้แก่ การเป็นคนที่มีจิตใจที่ดีงามพร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ มีสติตื่นรู้ เพื่อร่วมสร้างสังคมแห่งการตื่นรู้ จิตใจมั่นคงพร้อมที่จะเผชิญหน้า และจัดการกับสถานการณ์ความขัดแย้งและรุนแรงอย่างมีสติ ขันติ และสันติ (4) สร้างปัญญาภาพ อันได้แก่ การมีปัญญาเพื่อสันภาพ มีทักษะสามารนำเสนอแผนที่ความขัดแย้ง แล้วออกแบบกระบวนการสร้างสันติภาพในครอบครัว ชุมชน องค์กรและสังคม เพื่อให้กลุ่มคนต่างๆ สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข สันติศึกษาจึงเป็นได้มากกว่าวิชาชีพ เพราะเน้นวิชาชีวิต เน้นเครื่องมือในการจัดการชีวิตตน ชีวิตคน และธรรมชาติสิ่งแวดล้อมให้อยู่ร่วมกันอย่างประสมกลมเกลียว ผ่านกระบวนการจัดการความขัดแย้งภายในใจจนเกิดสันติภาพภายใน แล้วออกไปจัดการความขัดแย้งภายนอกจนเกิดสันติภาพภายนอก 4. สติ ขันติ สันติ: ไม่มีวันที่สันติเกิดขึ้นได้ หากไม่มีคำว่า สติ และขันติ ทั้งสามคำนี้ มีปรากฏอยู่ในบทโอวาทปาติโมกข์ ที่พระพุทธเจ้าได้ประกาศหลักการ 3 อุดมการณ์ วิธีการ 6 หัวใจสำคัญจึงอยู่ที่ 3 คำนี้ พระพุทธศาสนาจึงได้ชื่อว่าเป็นศาสนาแห่งสติ ศาสนาแห่งขันติ และศาสนาแห่งสันติ ฉะนั้น จิตวิญญาณที่เป็นแก่นและแกน (Core Values) ของสันติศึกษาจึงเน้นพัฒนาสามคำนี้ให้อยู่ในวิถีชีวิตของวิศวกรสันติภาพ ผู้อำนวยการหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิต สาขาสันติศึกษา มจร กล่าวโดยสรุปว่า สันติศึกษาคือการศึกษาเพื่อถอดบทเรียนชีวิตและลมหายใจของพระพุทธเจ้า ที่ครั้งหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าชายสิทธัตถะเคยสนใจแต่ชีวิตของตัวเอง แต่วันหนึ่งได้ตัดสินใจปล่อยวางความสุขส่วนตนออกไปค้นหาความสุขที่แท้จริง ในที่สุดจึงพบว่า “สุขอื่นยิ่งกว่าความสันติไม่มี” จึงได้นำพลังแห่งสันติสุขไปช่วยเหลือชาวโลกตลอดระเวลา 45 ปี สิ่งสำคัญของการเรียนรู้สันติศึกษ คือ “สันติมรรค” หรือ “สันติวิธี” อันเป็นเครืองมือที่พระพุทธเจ้าได้ออกแบบและนำไปเสริมสร้างชีวิต ชุมชน และสังคมสันติสุข การเผชิญหน้ากับปัญหาความขัดแย้ง ความรุนแรง ท่ามกลางความต้องการ ภาษา วัฒนธรรม ชาติพันธุ์ ค่านิยม ความเชื่อ และโครงสร้างที่หลากหลาย พระองค์มีหลักการ วิธีการ กระบวนการและขั้นตอนในการสร้างสันติภาพอย่างไร พระมหาหรรษา กล่าวด้วยว่า การที่กลุ่มคนจำนวนมากสนใจและตัดสินใจมาเรียนเรียนรู้สาขาสันติศึกษา ก็เพราะต้องการคำตอบเหล่านี้ คำตอบที่สามารถนำไปใช้เป็นบทเรียนที่ปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทการดำเนินชีวิตและการทำงานรับใช้ผู้อื่น และทั้งมุ่งหวังที่จะได้มือที่ผ่านการออกแบบและปรับรูปที่เข้ากับวิถีสังคมยุคปกติใหม่ (New Normal) ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป http://thebuddh.com/?p=47332

https://timeline.line.me/post/_dZFjKtVJVJDKI1RAsd6CDa3fFXLWcWPCxHm4KDM/1159348732305044341

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ความพยายาม ต้นพญาสัตบรรณ หรือ ต้นตีนเป็ด ต้นนี้ถูกตัด ทั้งลำต้น กิ่ง ก้าน ใบ แม้แต่กระพี้ ซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงรอบต้นก็โดนกรีด เพื่อไม่ให้มีชีวิตต่อ ให้เหลือเป็นตอ เป็นตอไม้ที่ตายแล้ว แต่ ยังอุตส่าห์พยายาม แตกก้านออกใบ แม้จะโดนตัดกิ่งที่แตกมาแล้ว 2 ครั้ง. คงโดนข้อหาผลิตอากาศเป็นพิษ มีกลิ่นหอมเกินไป 555 บ้างบอกหอม บ้างบอกเหม็น บ้างแพ้กลิ่น บ้างแพ้เกสร มีอาการเวียนศีรษะ นอนไม่หลับ อาจเพราะ แถวนี้ มีหลายต้นเกินไป ตอนนี้เหลือแต่ตอ มีตอนี้ ตอเดียว ที่พยายามจะโต. เดินผ่านหลายครั้ง เห็นตอไม้นี้มีความพยายามจะเติบโตให้มีชีวิต แม้จะโดนตัดหนทาง ทำให้คิดถึงการสร้างบารมีของตน ถ้าจะให้ดวงบารมีเติบโต ก็ต้องเลียนแบบต้นไม้ต้นนี้ แม้มีอุปสรรคมากมายหลายทาง แต่คงไม่พ้น ความพยายามของตน. ต้นไม้มีชีวิตแต่ไม่มีจิต ไม่มีใจ ไม่มีวิญญาณครอง แต่อาจมีรุกขเทวดาจอง 555 ยังมีความพยายาม คนมีชีวิต มีจิต มีใจ มีวิญญาณครอง มีอารักเทวดากายสิทธิ์ อีกมหาปูชนียาจารย์คุ้มครอง จะไปย่อท้อ ไม่พยายามได้อย่างไร ? เทวดาพยากรณ์ หรือจะสู้ความเพียรของมนุษย์ ชีวิตลิขิตได้ ด้วยความเพียรพยายามของตน (อิทธิบาท 4 ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา) จัดไปจ๊ะ...สวัสดี/เจริญพร มนวีโร ภิกฺขุ 29 ธันวาคม พุทธศักราช 2562 ณ หมู่กุฎิ 2 วัดพระธรรมกายคลองสาม ปทุมธานี #ธรรมะริมทางไปที่สุดแห่งธรรม is.gd/manaweero ----------------------------------------- กด Love ที่ใจ กด Like ที่จอ ไม่พอเพิ่มที่ Comment ไม่เป็นโทรมานะ. #ความพยายาม