https://timeline.line.me/post/_dY2NWEF6e2BPAHDMHwqj5IdBMu44Cexhleohsos/1153303576202015791

คนเช่นอสูร คนเช่นเทวดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อสุรสูตร จตุกกนิบาต ว่า “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลในโลก มี 4 จำพวก คือ บุคคลเช่นกับอสูรมีคนเช่นกับอสูรเป็นบริวาร บุคคลเช่นกับอสูรมีคนเช่นกับเทวดาเป็นบริวาร บุคคลเช่นกับเทวดามีคนเช่นอสูรเป็นบริวาร และบุคคลเช่นกับเทวดามีคนเช่นกับเทวดาเป็นบริวาร ” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมครูของพวกเรา ทรงสั่งสอนสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้รู้จักจำแนกแยกแยะถึงพฤติกรรมของมนุษย์ ที่เข้ามามีส่วนในชีวิตของเรา เพราะหากผู้นำหรือผู้เป็นหัวหน้าเป็นคนดีจริง มีศีลธรรม ไว้วางใจได้ แต่บริวารรอบข้างกลับไม่เหมือนหัวหน้า เป็นคนทุศีล มีแต่จะนำความเดือดร้อนมาให้ ซึ่งการดูคนให้ออกนั้นไม่ใช่เรื่องจะทำได้ง่าย เพราะจิตของมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง ต้องอาศัยประสบการณ์ และปัญญาบริสุทธิ์ที่สั่งสมอบรมมาดีแล้ว พิจารณาให้รอบคอบถี่ถ้วน จึงจะตัดสินเรื่องบุคคลได้อย่างถูกต้อง ถ้าเราฉลาดในเรื่องบุคคล การอยู่ร่วมกันกับหมู่คณะก็จะอยู่กันอย่างผาสุก ที่พระพุทธองค์ตรัสว่า บุคคลเป็นเช่นอสูร และมีคนเช่นอสูรเป็นบริวาร ในความหมายนี้ หมายถึงตัวเราไม่ค่อยจะดี และมีพวกพ้องบริวารที่ไม่มีคุณธรรม เป็นคนทุศีล ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ ใช้ชีวิตสะเปะสะปะเหมือนสวะลอยน้ำ มีความรู้สึกนึกคิดเพียงแค่ดำรงชีวิตอยู่ไปวันๆ ไม่ได้ทำความดีใดๆ ไม่รู้ว่าชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร ชีวิตเช่นนี้ เป็นชีวิตเช่นเดียวกับอสูร คือ มีความสะดุ้ง หวาดกลัวอยู่เป็นนิตย์ เพราะไม่ได้ทำความดีใดๆ ประกอบมิจฉาชีพ ลักเล็กขโมยน้อย มีบริวารลูกน้องเป็นขโมยด้วย กลุ่มคนประเภทนี้ อยู่ที่ไหนย่อมทำความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นที่นั่น ถ้าเป็นผู้บริหารบ้านเมืองก็เป็นพวกคอรัปชั่นกันเป็นทีม ใช้อำนาจในทางที่ผิด เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก ไม่ได้สนใจที่จะบริหารบ้านเมืองอย่างดี ดังนั้น เราต้องรู้จักเลือกคนดี สนับสนุนคนดี เพื่อเป็นศรีแก่ประเทศชาติ บ้านเมืองของเราจะได้เจริญรุ่งเรือง อีกประเภทหนึ่งคือ บุคคลเช่นกับอสูร แต่มีคนเช่นเทวดาเป็นบริวารพวกพ้อง นั่นหมายถึงว่า โดยส่วนตัวเป็นผู้มีพฤติกรรมไม่ดี จึงไม่องอาจกล้าหาญ มีความระแวงอยู่เป็นนิตย์ ขาดความไว้ใจคนรอบข้าง ไม่เห็นคุณค่าของศีลธรรม แต่ในทางตรงกันข้าม พวกพ้องบริวารกลับมองเห็นคุณค่าของการทำความดี เป็นผู้ประพฤติธรรม มีจิตใจที่ผ่องใส สามารถแยกแยะออกว่า สิ่งใดเป็นกุศลควรทำ สิ่งใดเป็นอกุศลธรรมก็เลิกละไป มีเทวธรรม คือ ธรรมะประจำใจของเทวดา ได้แก่ มีหิริความละอายต่อบาปอกุศลทุกชนิด แม้ความคิดที่ไม่ดี ก็ไม่กล้าคิด มีปกติรักคุณงามความดียิ่งกว่าชีวิต และมีโอตตัปปะ คือ มีความเกรงกลัวต่อบาป กลัวต่อผลของบาปอกุศล ไม่กล้าที่จะทำบาปอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย คุณธรรม 2 ประการนี้เรียกว่า เทวธรรม มนุษย์ประเภทนี้พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า บุคคลเช่นกับอสูร แต่มีคนเช่นกับเทวดาเป็นบริวาร ใครที่ได้ผู้นำเช่นนี้ก็ต้องอดทนกันไป เพราะทำความดีแล้ว แต่ผู้ใหญ่ไม่เห็นความดี บางครั้งอาจถูกกลั่นแกล้ง ก็เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตร ชักชวนหัวหน้าดำรงชีวิตให้ถูกต้อง โดยเริ่มจากตัวเราก่อน ทำตัวของเราให้มีธรรมะเป็นอาภรณ์ เหมือนทะเลเป็นที่รวมของแม่น้ำทุกสาย กัลยาณมิตรต้องเป็นที่รวมของคุณธรรมทั้งหลาย เป็นแบบอย่างที่ดีให้ชาวโลก เมื่อเขาเห็นจะได้เกิดกำลังใจที่จะปฏิบัติตามเรา การทำเช่นนี้นับว่าเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุด ส่วนประเภทที่ 3 คือ บุคคลเช่นกับเทวดา แต่มีคนเช่นอสูรเป็นบริวาร หมายถึง โดยส่วนตัวของผู้นำเป็นคนดี มีศีลธรรมประจำใจ ใครเห็นต่างเกิดความรู้สึกอบอุ่น และปลอดภัย เป็นหลักของสังคมประเทศชาติได้ ทุกที่ล้วนต้องการบุคคลเช่นนี้ แต่เนื่องจากพวกพ้องบริวารเป็นเช่นอสูร ไม่ประพฤติตนเป็นคนดี ไม่มีศีลธรรม สามารถทำความชั่วได้ทุกๆ อย่าง ใครที่ได้พวกพ้องบริวารเช่นนี้ แทนที่จะมีความสุข กลับต้องพบกับปัญหาความเดือดเนื้อร้อนใจอยู่เสมอ หากลูกหลวงพ่อเป็นผู้นำ แล้วต้องพบเจอบริวารแบบนี้ ขอให้ใช้ความดีที่มีอยู่หรืออำนาจของผู้นำให้เกิดประโยชน์ ให้เขาได้สร้างความดี ปลูกฝังศีลธรรมให้เกิดขึ้นกับผู้ใต้บังคับบัญชา โดยต้องใช้วิธีการที่เหมาะสมนุ่มนวล บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น เพราะจริตของคนมีหลายประเภท จะฝึกคนต้องให้ถูกกับจริตอัธยาศัย จึงจะเกิดผลได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เช่น ผู้ที่มีโทสจริต เราต้องใช้เมตตาเข้าหา ใช้คำพูดที่ไพเราะนุ่มนวล ไม่ใช้ความรุนแรง แต่เป็นไปอย่างละมุนละม่อม ประกอบด้วยเมตตา ถ้าเป็นพุทธิจริต หมายถึง ผู้ที่ชอบแสวงหาความรู้ ก็ต้องชี้แจงด้วยเหตุผลเพื่อให้เขาเห็นความสำคัญในการทำความดี พร้อมกับตอบข้อซักถาม แก้ข้อสงสัยในใจเขาให้ได้ กลุ่มคนประเภทที่ 4 คือ บุคคลเช่นกับเทวดา และมีคนเช่นกับเทวดาเป็นพวกพ้องบริวาร หมายความว่า ทั้งตนเองและบริวารล้วนมีคุณธรรม บริสุทธิ์กาย วาจา ใจ ประพฤติธรรมเป็นปกติ เป็นเทวดาเดินดินหรือที่เรียกว่า มนุสสเทโว ถ้าได้คนแบบนี้ โลกจะมีแต่คนดีที่สามารถบันดาลความสุขสงบให้เกิดขึ้นแก่โลกได้อย่างแท้จริง เพราะผู้มีศีลธรรมจะเหยียบย่างไปที่ใด ย่อมนำความเจริญ สิ่งที่ดีงาม และความสุขสงบไปสู่ที่นั้น เหมือนฝนนำความชุ่มชื่นมาสู่ปฐพี เหมือนพระอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างให้แก่โลก จากรายการ ธรรมะเพื่อประชาชน #lifEandSoul #ติดตาม ธรรมะ คำคม ข้อคิด ได้ที่ LINE @ : https://line.me/R/ti/p/%40jjx9044s และคลิกที่ Home ครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ขอขมา ขอลา ที่ทำให้เกิดสุข อุกาสะ.....,ดังข้าพเจ้าทั้งหลายจะขอวโรกาส, กราบลาพ่อแม่ญาติพี่น้อง, ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย, เพื่อบรรพชาอุปสมบท ณ บัดนี้, ตลอดระยะเวลา, ที่ต่างต้องเวียนว่ายตายเกิด, ถือกำเนิดในวัฏฏสงสาร, หากข้าพเจ้าทั้งหลาย, ได้ประพฤติผิดพลาดล่วงเกิน, ต่อท่านทั้งหลาย, ในที่ต่อหน้าก็ดี, ในที่ลับหลังก็ดี, ทั้งมีเจตนาก็ดี, ทั้งไม่มีเจตนาก็ดี, ที่ระลึกได้ก็ดี, ทีระลึกไม่ได้ก็ดี, นับตั้งแต่ร้อยชาติพันชาติ, หมื่นชาติแสนชาติก็ดี, ทั้งในปัจจุบันชาติก็ดี, ขอท่านทั้งหลาย, โปรดอโหสิกรรม, งดความผิดทั้งหลายเหล่านั้น, ให้แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ผู้จะบรรพชาอุปสมบทในบัดนี้, เพื่อความบริสุทธิ์, เพื่อความบริบูรณ์, เพื่อความอยู่เป็นสุขในพรหมจรรย์, และเพื่อประโยชน์, แก่การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, ในปัจจุบันชาตินี้ เทอญ ฯ ไม่มีการลาจากกันครั้งใดของบุตรชายอันเป็นรัก จะสร้างความปลาบปลื้มปิติใจ ทำให้ บิดามารดา บุพการีผู้มีพระคุณ มีความสุขใจได้มาก ไปกว่า นาคธรรมทายาทลูกชายกล่าวคำขอขมา ขอลาบวช...สวัสดี/เจริญพร มนวีโร ภิกฺขุ 8 สิงหาคมคม พุทธศักราช 2562 ณ วัดพระธรรมกายคลองสาม ปทุมธานี #ธรรมะริมทางไปที่สุดแห่งธรรม is.gd/manaweero ----------------------------------------- กด Love ที่ใจ กด Like ที่จอ ไม่พอเพิ่มที่ Comment ไม่เป็นโทรมานะ. #ขอขมาขอลาทำให้เกิดสุข #บวชบูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์