https://timeline.line.me/post/_dV4kdyHVqEpvo-UtUAQKBDoReGlh4us_E9XL1mo/1153268776904032774
นักวางแผน. เห็นภาพโยมพ่อมาใส่บาตรพระลูกชายวันอาสาฬหบูชาปีนี้ นึกย้อนกลับไปตอนตัดสินใจบวช เราเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะบวชนาน กะว่าแค่จบโครงการบูชาธรรมครบรอบ 80 ปีวิชชาธรรมกาย บูชาธรรมพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เมื่อปลายปี 2539 3 สัปดาห์เท่านั้นก็พอ. คิดจะบวชเพียงแค่ให้ โยมแม่ดีใจที่บวชวัดที่ท่านชอบ เราเองก็จะได้หมดภาระหน้าที่ ที่ลูกผู้ชายจะต้องทำ คือให้โยมพ่อโยมแม่ ได้เกาะผ้าเหลืองพระลูกชายขึ้นสวรรค์ (ตอนนั้นคิดว่า แค่ความเชื่อต่อๆกันมา แต่พอได้ศึกษาเพิ่มเติม ไม่ใช่แค่ความเชื่อแต่มันคือความจริง) โยมพ่อท่านก็ดูเฉยๆ แบบบวชก็ดีไม่บวชก็ไม่เป็นไร เพราะตอนนั้นอยู่ในช่วงธุรกิจกำลังขยายอยู่ด้วย พอจบโครงการ พระอาจารย์โครงการถามว่าใครจะลาสิกขาให้ก้าวออกมาจากแถว ใจตอนนั้น คิดว่า เราบวชมาได้แค่ 3 อาทิตย์เอง สวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็นก็ยังไม่คล่องปากเลย ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของหลวงปู่พระผู้ปราบมาร ของหลวงพ่อ ของคุณยายอาจารย์ฯ เราไม่เคยได้ยินได้ฟังแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำถามที่ให้นึกทบทวนเป้าหมายชีวิตของมนุษย์ ว่า เกิดมาทำไม ? อะไรคือเป้าหมายของการมาเกิด คำถามที่ต้องการคำตอบ เมื่อได้คิดก็คิดได้ การบวชเพื่อหาคำตอบแบบวันต่อวันก็เริ่มขึ้น. พอพรรษาแรกผ่านไป รู้สึกยิ่งอยู่ยิ่งรักวัด รักหลวงพ่อ รักหมู่คณะ บอกคนอื่นไม่ถูก แต่บอกกับตัวเองถูกว่า เรามาถูกที่ ถูกทาง ถูกใจแล้ว พึงพอใจกับอัตภาพสถานะสภาวะที่เป็นอยู่ตอนนี้ มัน เหมือนฝัน เหมือนได้กลับมาอยู่ในสถานที่ที่เราเคยอยู่ อยู่กับหมู่คณะที่เราคุ้นเคย ยิ่งเวลาอยู่ใกล้หลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ ใจมันเอิบอิ่ม อบอุ่น ปลื้มปิติขนลุกซู่ชูชัน มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่พึ่งรูัจักท่านใบหน้ามีความเมตตาแบบสุดๆ ดูท่าทางท่านขรึมๆไม่ค่อยพูดแต่ในความขรึมแอบซ่อนไปด้วยความขลังอยู่ลึกๆอยู่ภายใน มีความสุขทุกครั้งที่ได้กราบหลวงพ่อท่าน. โยมพ่อเล่าให้ฟังว่า คนรู้จักหลายคนมาเตือนท่านว่า ให้ลูกชายมาบวชวัดพระธรรมกาย เดี๋ยวก็ไม่สึกหรอก ทำไมไม่ไปตามกลับมาช่วยทำมาหากิน เดี๋ยวแก่ตัวไปไม่มีใครเลี้ยงนะ ท่านก็ตอบเขาไปว่า ดีซิที่ท่านจะบวชนาน ฉันจะได้ชื่อว่ามีพระลูกชายออกบวช ว่าแต่ที่บ้านมีลูกชาย บวชให้แล้วหรือยัง ไม่ต้องห่วงเรื่องแก่ตัวไม่มีคนเลี้ยง ฉัน(โยมพ่อ)วางแผนไว้หมดแล้ว ตายก็ยกศพให้โรงพยาบาล สบายๆ. โยมพ่อท่านมีความรัก ความห่วงใยต่อพระลูกชาย พรรษาแรกไม่ถามอะไร พอจะเริ่มเข้าพรรษาที่ 2 ท่านก็จะมาถามว่า ทรัพย์สมบัติที่เป็นของพระที่จังหวัดสงขลาจะทำอย่างไร ท่านดูแลให้ไม่ไหวแล้วนะ ขายไปนะ อาตมาก็ตอบท่านแบบไม่ลังเลไปว่า ขายเลย พอพรรษา 3 ท่านก็มาถามอีกว่า ที่ปัตตานีมีอาคาร 2 หลังๆหนึ่งเป็นออฟฟิศ อีกหลังหนึ่งเป็นบ้านพัก ด้วยคำถามเดิม ท่านขอขายหลังที่เป็นบ้านพักนะ พอพรรษา 4 ท่านก็มาถามอีก ว่าออฟฟิศที่จ.ปัตตานี ไม่มีใครดูแลแล้วนะ มันไกลโยมพ่อเดินทางไปดูให้ไม่ไหวนะมันเหนื่อย ขายนะ เราเองก็ไม่ได้ฉุกคิดอะไร พอจะเข้าพรรษา 5 เอาเอกสารที่ดิน และรถยนต์ สมุดบัญชีที่เราเป็นเจ้าของ มาให้เซ็นมอบอำนาจให้ พร้อมกับพูดว่า พระนี้สมบัติสุดท้ายที่พระทำไว้สมัยเป็นฆารวาสแล้วนะ หากไม่คิดจะใช้ โอนมาท่านจะขายให้หมดนะ แต่พอจะเซ็นชื่อมอบอำนาจ ท่านก็เอ่ยถามว่า คิดดูให้ดีนะ ต่อไปหากออกมา(ลาสิกขา)ไม่มีสมบัติเหลือเป็นต้นทุน ออกมาต้องเริ่มนับ 1 ใหม่เลยนะพระ.(จริงๆแล้วต้องนับ 0 มากกว่าเพราะสมบัติที่ได้มาตอนบวชพระ คือ สมบัติของพระศาสนาเอาไปไม่ได้) จึงถึงบางอ้อ แท้จริงแล้วที่ผ่านมาทุกๆครั้งก่อนเข้าพรรษา เป็นกุศโลบายของท่าน มาถามเพื่อลองใจ หาคำตอบแบบไม่ถามตรงๆ อาจเนื่องด้วยความที่ท่านเองก็เคยบวชพระมาหนึ่งพรรษา ท่านคงทราบดี และไม่อยากได้ชื่อว่า มาชวนพระลาสิกขา เลยใช้กุศโลบาย แบบนี้นี่เอง. วันนี้พระลูกชายกำลังจะเข้าพรรษาที่ 22 ท่านตื่นแต่เช้าจากท่าฉลอม สมุทรสาครมาวัดพระธรรมกายคลองสาม ปทุมธานี มาใส่บาตรคณะสงฆ์และพระลูกชาย แถมฝากถวายปัจจัย 5,000 บาททำบุญทอดผ้าป่าผ้าอาบน้ำฝนกับพระลูกชาย พร้อมคำกล่าว ว่า โยมพ่ออายุ 81 แล้วนะพระ วันนี้ดีใจที่ยังมีลมหายใจได้มาทำบุญที่วัด รักพระลูกชายจังเลย ! ประโยคสุดท้ายไม่ต้องบรรยายมาก ตามภาพที่เห็นก็แล้วกันนะ...สวัสดี/เจริญพร มนวีโร ภิกฺขุ 27 กรกฎาคม พุทธศักราช 2561 ณ วัดพระธรรมกาย ปทุมธานี #ธรรมะริมทางไปที่สุดแห่งธรรม Line ID : manaweero ----------------------------------------- กด Love ที่ใจ กด Like ที่จอ ไม่พอเพิ่มที่ Comment ไม่เป็นโทรมานะ. #นักวางแผน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น