https://timeline.line.me/post/_dY2NWEF6e2BPAHDMHwqj5IdBMu44Cexhleohsos/1152722777402013380
ชาดกว่าด้วยโทษของความริษยา
ในพุทธกาล มีหมู่บ้านชาวประมงตั้งอยู่ที่ชานแคว้นโกศล มีชาวประมงอาศัยอยู่ประมาณ 1 พันครอบครัว อยู่มาวันหนึ่งมีหญิงคนหนึ่งเกิดตั้งครรภ์ ปรากฏว่าทั้งหมู่บ้านถูกไฟไหม้ถึง 7 ครั้ง เสียค่าปรับให้กับพระราชาอีก 7 หน เกิดเรื่องราวร้ายๆ สารพัดจนทุกคนในหมู่บ้านคิดว่า ต้องมีคนกาลกิณีเกิดขึ้นในหมู่พวกเขาแน่ๆ พวกเขาจึงทดลองแยกครอบครัวต่างๆ ออกเป็น 2 กลุ่ม ปรากฏว่ากลุ่มที่หญิงมีครรภ์คนนี้อยู่ได้รับแต่ปัญหา แต่ไม่มีปัญหาใดเกิดกับอีกกลุ่มหนึ่งเลย
พวกเขาค่อยๆ แยกเป็นกลุ่มย่อยเรื่อยๆ จนสุดท้ายพบว่า ปัญหามาจากครอบครัวของหญิงมีครรภ์คนนี้ ชาวบ้านจึงไล่หญิงมีครรภ์ออกจากหมู่บ้าน นางต้องออกร่อนเร่พเนจรกระทั่งคลอดลูกก็ยังได้รับความลำบากสารพัด พอลูกเดินได้และโตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้นางจึงบอกกับลูกว่า “ ลูก...แม่ลำบากกับเจ้ามามากมายเหลือเกินแล้ว เจ้าเอาชามดินเผาไปขอทานเองเถิด ” เด็กน้อยจึงต้องไปเก็บของเหลือกินให้พอประทังชีวิตไปวันๆ
กระทั่งวันหนึ่ง พระสารีบุตรออกบิณฑบาต แล้วได้พบเด็กน้อยคนนี้กำลังเก็บเม็ดข้าวที่เหลือทิ้งติดจาน เขากินข้าวทีละเม็ดด้วยความหิวโหย พระสารีบุตรเกิดความสงสารจึงพาเด็กน้อยกลับไปที่วัดแล้วให้บวชเป็นสามเณรได้ชื่อว่า “ โลสกะติสสะ ” จากนั้นสามเณรโลสกะติสสะก็อยู่ในโอวาทพระสารีบุตรมาโดยตลอด เชื่อฟังคำสั่งสอนและปฏิบัติธรรม พออายุครบบวชโลสกะติสสะจึงได้บวชเป็นพระแล้วปฏิบัติธรรมจนได้เป็นพระอรหันต์
ตลอดชีวิตแม้ได้บวชเป็นพระแล้วก็ยังไม่เคยได้ฉันอิ่มแม้เพียงครั้งเดียว พอออกบิณฑบาตชาวบ้านก็ตักบาตรให้แค่ทัพพีเดียวเพราะกรรมบังตา คือ คนใส่บาตรเขาเห็นว่าข้าวเต็มบาตรแล้วจึงไม่ใส่ให้อีก สุดท้ายก็ได้อาหารบิณฑบาตมานิดเดียวแค่พอกันตาย แต่ไม่เคยได้ฉันอิ่มเลยจนร่างกายทรุดโทรม วันหนึ่งพระสารีบุตรรู้ด้วยญาณทัสสนะว่า ภิกษุผู้เป็นศิษย์วันนี้จะนิพพานแล้ว ท่านสงสารอยากให้ได้ฉันอิ่มบ้างสักมื้อ เลยให้ออกบิณฑบาตด้วยกันโดยให้เดินตามหลังท่านไป
ปรากฎว่าผลกรรมแรงจนทำให้วันนั้นพระสารีบุตรบิณฑบาตไม่ได้อาหารเลย ท่านจึงต้องให้พระโลสกะติสสะกลับวัด แล้วท่านรับบาตรเองเสร็จเรียบร้อยค่อยนำอาหารไปให้ พอพระโลสกะติสสะแยกทางกลับวัดเท่านั้นเองก็มีคนใส่บาตรพระสารีบุตรมากมาย พระสารีบุตรรีบแบ่งอาหารบิณฑบาตให้คนนำไปถวายให้พระโลสกะติสสะ ปรากฏว่าด้วยผลกรรมคนรับอาหารเดินทางมาถึงกลางทางแล้วเกิดลืมว่าตนเองจะเอาอาหารไปทำอะไร จึงนั่งกินเองจนหมด พระสารีบุตรท่านกลับถึงวัดจึงรู้ว่าพระโลสกะติสสะยังไม่ได้ฉัน แต่ยังพอมีเวลาจึงเข้าวังไปหาพระเจ้าปเสนทิโกศล หวังจะไปบิณฑบาตกับพระราชา
พระราชาเห็นว่าใกล้เพลแล้ว พระองค์เกรงว่าเวลาจะไม่พอจึงไม่ถวายของคาว ถวายแต่ของหวานคือเภสัชทั้งหลาย มีน้ำผึ้ง น้ำอ้อย เนยใส เนยข้น พอพระสารีบุตรกลับมาก็คะยั้นคะยอให้พระโลสกะติสสะฉันภัตตาหารจากบาตรที่พระสารีบุตรถืออยู่ อาศัยบุญของพระสารีบุตรค้ำไว้เพราะเกรงว่าถ้าวางบาตรลงอาจจะมีเหตุให้ภัตตาหารหายไปอีก เพราะโลสกะติสสะจึงได้ฉันอิ่มในมื้อสุดท้ายแล้วนิพพานวันนั้นเอง
หลังจากพระโลสกะติสสะนิพพาน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ทำพิธีฌาปนกิจแล้วให้เก็บอัฐิซึ่งเป็นพระธาตุของท่านบรรจุในพระสถูปเจดีย์ ภิกษุทั้งหลายสงสัยจึงกราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เพราะเหตุใดพระโลสกะติสสะปฏิบัติธรรมจนเป็นพระอรหันต์ แต่ทำไมถึงมีวิบากกรรมหนักหนาเช่นนี้ พระพุทธเจ้าจึงระลึกชาติไปดูเหตุแล้วนำมาเล่าให้พระภิกษุทั้งหลายฟังว่า โลสกะติสสะภิกขุ ภพในอดีตเคยบวชเป็นพระ ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมตามปกติ กระทั่งวันหนึ่งเศรษฐีอุปัฏฐากใหญ่ของวัดแห่งนี้ เห็นพระอรหันต์เดินทางผ่านมา แล้วได้เห็นกิริยาอาการน่าเลื่อมใสจึงนิมนต์ให้เข้ามาพักที่วัดนี้ แล้วปรนนิบัติดูแลอย่างดีจนพระเจ้าอาวาสเกิดความอิจฉา รู้สึกว่าถ้าขืนปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไปเศรษฐีต้องไปศรัทธาพระอาคันตุกะนี้มากกว่าตนแน่
พอตอนเช้าก่อนออกบิณฑบาตเจ้าอาวาสก็วางอุบายด้วยความริษยา คือ แทนที่เจ้าอาวาสจะเคาะระฆังปลุกพระลูกวัดให้ออกบิณฑบาต ท่านกลับเอาเล็บเคาะระฆังเบาๆ แล้วกระซิบกับระฆังว่า “ เคาะระฆังปลุกแล้วไม่ได้ยินเสียงเองช่วยไม่ได้นะ ” แล้วท่านก็ออกไปบิณฑบาต พอเจ้าอาวาสเจอเศรษฐีก็ใส่ร้ายพระอาคันตุกะทันทีว่า สงสัยท่านนอนหลับอุตุยังไม่ตื่น เมื่อวานท่านเศรษฐีถวายภัตตาหารมาก พระท่านคงจะฉันอิ่มมากเกินไป แต่ท่านเศรษฐีมีท่าทีนิ่งเฉย พอใส่บาตรเสร็จท่านก็ฝากภัตตาหารไปถวายพระอาคันตุกะด้วย พอถึงกลางทางท่านเจ้าอาวาสตั้งใจจะแกล้งพระอาคันตุกะจึงเทอาหารทิ้งทั้งหมดด้วยวิบากกรรมนี้จึงส่งให้พระโลสกะติสสะตกนรก
พอพ้นกรรมจากนรกก็มาเกิดเป็นยักษ์ จากยักษ์มาเกิดเป็นสุนัขอีก 500 ชาติ เป็นสุนัขอดอยากยากแค้นแสนสาหัส ผอมแห้งเห็นกระดูกซี่โครง จนกระทั่งก่อนตายได้กินอิ่มหนึ่งมื้อ คือ เศษอาหารที่เขาอาเจียนออกมา ตอนเป็นสุนัขหิวโซทุกชาติไป จนกระทั่งพ้นกรรมจากสัตว์แล้วมาเกิดเป็นคนท่านก็ยังต้องเจอวิบากกรรมอย่างนี้เรื่อยมา
เพราะฉะนั้น เราอย่าไปอิจฉาริษยาใครเด็ดขาด เห็นใครเขาทำความดีแล้วประสบความสำเร็จ ก็ให้มีมุทิตาจิต อนุโมทนาสาธุด้วยดีกว่านะ
จากหนังสือ เนรมิต จิตใจ ปลดล็อกความเครียด รู้ทันความเสื่อม สร้างสุข สลัดทุกข์ หยุดโกรธ
#lifEandSoul
#ติดตาม ธรรมะ คำคม ข้อคิด ได้ที่
LINE @ : https://line.me/R/ti/p/%40jjx9044s และคลิกที่ Home ครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น