https://timeline.line.me/post/_dY2NWEF6e2BPAHDMHwqj5IdBMu44Cexhleohsos/1152228437102010132
ทำผิดทั้งๆ ที่รู้
ถาม : ทำไมคนส่วนใหญ่จึงชอบทำผิดทั้งๆ ที่รู้คะ ?
หลวงพ่อตอบ : การทำผิดทั้งๆรู้มีอยู่ ๓ ลักษณะด้วยกัน คือ
๑. ทำผิดเพราะติดนิสัยมักง่ายมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งความผิดประเภทนี้ มักเป็นความผิดเล็กน้อย ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง เช่น เดินลัดสนาม ไม่ข้ามถนนตรงทางม้าลาย ทิ้งขยะไม่เลือกที่ ฯลฯ
๒. ทำผิดเพราะหลงคิดว่า คนเราตายแล้วสูญ ชาติหน้าไม่มี เขามีความคิดว่าความดีความชั่วที่ทำไว้ มีผลเฉพาะชาตินี้เท่านั้นเอง
ฉะนั้นถ้าเขามีอำนาจหรือสามารถหลีกเลี่ยงได้ กฎหมายจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เขาก็จะไม่ถูกลงโทษ และไม่มีผลอะไร
คนทำผิดลักษณะนี้ถือว่าเป็นความผิดเนื่องจากขาดหิริโอตตัปปะคือ ขาดความละอายขาด ความเกรงกลัวต่อผลของบาป
คนพวกนี้เขาจะรู้สึกว่าตัวเองเก่ง เมื่อสามารถคดโกงเอาเปรียบคนอื่นได้ คนบางคนของในบ้านทั้งหมดทั้งของกินของใช้ ล้วนแต่เป็นของที่โกงเขามาทั้งนั้น
๓. ทำผิดเพราะขาดกำลังใจที่จะทำความดี ความผิดประเภทนี้ทำทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดกฎหมายและรู้ด้วยว่าบาป แต่ก็ทำ
เพราะเขาไม่มีกำลังใจที่จะตัดใจไม่ให้ทำชั่ว และขาดกำลังใจที่จะทำความดี ปล่อยให้ความอยากมีอำนาจเหนือจิตใจ
การแก้ไขคนทำผิดทั้งรู้ จะต้องปูพื้นฐานให้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ โดย
๑. พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ต้องไม่ปล่อยปละละเลยเด็กต้องฝึกเด็กในเรื่องระเบียบวินัยตั้งแต่ยังเล็ก โดยถือว่าวินัยต้องเริ่มที่บ้านแล้วต่อเติมที่โรงเรียน
๒. อบรมให้เด็กรู้บุญรู้บาป เพื่อว่าต่อไปในภายภาคหน้า เมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จะได้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
เพราะมีพื้นฐานใจที่ละอายต่อความชั่ว กลัวบาป ไม่กล้าทำความชั่วความผิด ทำให้เด็กสามารถเตือนตนเองได้ บังคับตัวเองได้
๓. ฝึกให้ไหว้พระสวดมนต์ ให้นั่งสมาธิก่อนนอนทุกคืน จะได้มีกำลังใจละเว้นการทำความชั่วทุกรูปแบบ และมีกำลังใจพร้อมที่จะทำความดีทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น